เมื่อสมองถูกปกคลุมด้วยหมอก ทำให้ไม่สดใสเหมือนเก่า
สาเหตุที่จะกล่าวต่อไปนี้ ส่งผลกระทบต่อสารสื่อประสาทหรือสารเคมีในสมอง (Neurotransmitter) ที่ทำหน้าที่ เป็น Messenger คอยรับส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาทและเซลล์อื่นๆภายในร่างกาย เกิดการ ‘เสียสมดุล’และทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองแย่ลง
โดยอีชีฮยอง แพทย์จิตเวช ผู้เขียนหนังสือเรื่อง สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย ได้พูดถึง “สาเหตุของอาการสมองล้า” ไว้ดังนี้
-ความเครียด
ทำให้ สมองส่วน “อะมิกดาลา” (Amygdala) หรือ สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ตามสัญชาตญาณ เกิดความเสียหายอย่างมาก ซึ่งความเครียดจากภายนอก ทำให้สมองเหนื่อยล้ามากที่สุด โดยความเครียดจากภายนอกจะส่งผลกระทบต่อประสาทสัมผัสของร่างกาย (การได้ยิน การมองเห็น การรับกลิ่น) แล้ว กระตุ้นไปยังสมอง ความเครียดจากภายนอก เช่น สิ่งแวดล้อม มลพิษ เสียง อากาศ งานที่เร่งด่วน หรือการทำหลายๆงานพร้อมกัน (Multitasking)
ส่วนความเครียดที่เกิดจากความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างคน เช่น เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว เจ้านาย คนรัก ฯลฯ เป็นตัวการเร่งให้สมองล้า และยิ่งเพิ่มความเครียดให้กับร่างกายจิตใจและสมองด้วย
-กิจกรรมในชีวิตประจำวันๆ
การเรียน การทำงาน ขับรถ หรือกิจกรรมในชีวิตประจำวันอื่นๆ ล้วนเป็นงานที่ต้องใช้สมอง หรือ ใช้ความคิดมากๆ ในขณะที่เราดำเนินกิจกรรมไปได้ดี ราบรื่น ไม่มีปัญหาติดขัด สมองก็จะหลั่งสารโดพามีนกับเซโรโทนินออกมาทำให้เรารู้สึกสนุก ไม่กดดัน มีความสุข แต่หากหลั่งต่อเนื่องนานเกินไป สมองก็จะเริ่มเหนื่อย ทำให้ฮอร์โมนแห่งความหงุดหงิดหลั่งออกมา และหากยังดำเนินกิจกรรมไปนานๆโดยไม่มีการพัก สมองก็จะอ่อนล้า มีอาการเบลอ มึน คิดอะไรไม่ค่อยออก อาจจะเกิดอาการปวดหัว เวียนหัว หรือตาลายร่วมด้วย
-การควบคุมอารมณ์ตนเอง
สมองทำงานอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ตอนที่เรานั่งเฉยๆ นั่งเหม่อ ไม่ได้คิด ไม่ได้ทำอะไร ซึ่งเราเองอาจจะมองไม่เห็นหรือไม่รู้สึก แต่จริงๆแล้วเกิดความคิดมากมายในสมอง โดยเราต้องคอยควบคุม ไม่ปล่อยตัวเองทำตามสัญชาตญาณ โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ นั่นจึงส่งผลให้เราต้องใช้พลังงานมหาศาล เพื่อใช้ควบคุมฮอร์โมนอะดรีนาลีน ที่จะถูกสร้างขึ้นมาตอนที่เรา ‘ รู้สึกกลัว เครียด หรือโกรธ ‘ ซึ่งเป็น “กลไกการป้องกันตัวเอง” เพื่อให้ร่างกายพร้อมต่อการ “ต่อสู้หรือหลบหนี” โดยร่างกายจะผลิตสารเซโรโทนินขึ้นมาสยบหรือมาควบคุมอารมณ์ความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้น หากผลิตมาไม่พอ กระบวนการการอดกลั้นจะไม่ประสบความสำเร็จและสุดท้ายก็ระเบิดออกมาทางพฤติกรรมหรือปล่อยตัวเองทำตามสัญชาตญาณ
-การอดนอน หรือ นอนไม่พอ
สมองไม่มีกลางวัน กลางคืน แม้ช่วงกลางคืนที่อวัยวะในร่างกายส่วนอื่นๆจะได้พักผ่อน ทำงานน้อยลง หรือหยุดทำงานเลย แต่สมองก็ยังทำงาน คอยกำจัดของเสียในสมอง เรียบเรียงและจัดเก็บข้อมูล คอยสั่งให้เราตื่นตัวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน แม้แต่ช่วงที่เราอยากเข้าห้องน้ำ
และถ้าหากเราอดนอนหรือนอนไม่พอ ก็ยิ่งทำให้สมองและอวัยวะส่วนต่างๆยิ่งทำงานหนักเข้าไปอีก โดยทุกๆ1ชั่วโมง สมองใช้พลังงานจากกูลโคส 5 กรัม จึงส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย เกิดโรคต่างๆ และทำให้สมองล้าอีกด้วย
-กิจกรรมคลายเครียด
กิจกรรมคลายเครียดบางประเภทก็ทำร้ายสมอง เช่น การดูหนัง (แนวฆาตกรรม สลดหดหู่) , การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเต็มที่ ,การเล่นเกมส์ (แนวต่อสู้ หรือเกมส์ที่ใช้สมองในการคิดหนักๆ) ,การเล่นโซเชียลมีเดีย การไปดูการแสดงหรือคอนเสิร์ต ซึ่งเราอาจจะพบกับ เสียงที่ดัง ฝุ่นผง อากาศที่ร้อน คนที่เยอะ ซึ่งเป็นความเหนื่อยล้าจากร่างกาย ที่ทำให้สมองต้องทำงานหนักและเกิดความล้าอีกด้วย
-ประสบการณ์ในชีวิต
บางประสบการณ์สร้างบาดแผลไว้ในจิตใจ จนยากที่จะปล่อยวาง บางคนเผชิญสถานการณ์เดียวกัน แต่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข แต่กับอีกคนวิตกกังวล คิดมาก ไม่ปล่อยวาง คิดถึงแต่อดีตอันเลวร้าย คิดถึงแต่ความล้มเหลว หรือเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง ซึ่งประสบการณ์หรือความคิดแบบนี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดสมองล้าได้เช่นกัน
—————————————————————
?(ฝากกด Like กด Share และกดติดตามเพจเรา เพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.facebook.com/neurobalanceasia แล้วทุกคนจะไม่พลาดข้อมูลข่าวสาร สาระความรู้ และกิจกรรมดีๆ จากทางเพจ) ??