1 ใน ปัญหาของเด็กออทิสติกที่พบ คือ “กินยาก กินของซ้ำๆ” มีการเลือกกินเฉพาะสิ่งที่ตัวเองชอบ สนใจ หรือหลีกเลี่ยงอาหารที่มีเนื้อสัมผัสหรือรสชาติบางอย่าง
ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นผลมาจาก ระบบประสาทรับความรู้สึก (SI ; Sensory Integration) ด้านการรับรส เกิดความไม่สมดุล ทำให้เด็กออทิสติก รับความรู้สึกช้าหรือไวต่อสิ่งเร้า รวมทั้งการเลี้ยงดูด้วย 

-ภาวะขาดสารอาหาร
-อัตราการเจริญเติบโตช้า
-น้ำหนักตัวมากหรือน้อยกว่าเกณฑ์
-เด็กไม่พอใจ ไม่ชอบ เนื้อสัมผัสของอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ , ผักผลไม้ , ความหนืดเหนียวข้นของอาหาร รวมทั้งอาจมีปัญหาในด้านการรับกลิ่น อาหารมีกลิ่นฉุน เกินไป
-มีปัญหาด้านการเคี้ยวหรือการกลืน
-มีความยากลำบากในการนั่งกินอาหารร่วมกับครอบครัว หรือ ผู้อื่น
-ไม่ชอบลองอาหารใหม่ๆ
-หลีกเลี่ยงการสัมผัสอาหารหรือผิวของช้อน ส้อม แก้วน้ำ
1.ทำให้เด็กๆรู้สึกผ่อนคลายก่อนมื้ออาหาร พยายามลดความเครียด อาจจะเป็นการทำกิจกรรมที่เด็กๆชอบ เช่น การอ่านหนังสือเล่มโปรดของเด็กๆ ในห้องเงียบๆ สักพัก แล้วพูดส่งเสริมให้กำลังใจ เพื่อให้เด็กค่อยๆให้ความร่วมมือกับเรา
2. หากเด็กๆรู้สึกไม่สบายหรืองอแงทุกครั้งเมื่อต้องกินอาหาร อาจทำให้เด็กๆเครียดได้ ซึ่งเป็นไปได้ว่าที่เด็กๆงอแงไม่อยากกินอาหารอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพอื่น เพราะเด็กออทิสติกส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะมี “ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารและขับถ่าย” เช่น ท้องเสีย ปวดท้อง ท้องอืด ท้องผูก ฯลฯ ดังนั้น ควรพาเด็กๆไปพบแพทย์เกี่ยวกับอาการเหล่านี้
3.การจัดตารางเวลาอาหารแต่ละมื้อ สำคัญมาก อาหารหลัก อาหารว่าง ควรมีเวลาที่ชัดเจนเพื่อฝึกให้เด็กๆมีวินัย กินเป็นเวลา ฝึกการรอคอยให้เป็น
4.เพิ่มอาหารใหม่อย่างช้าๆ หากเด็กๆกินอาหารแค่ไม่กี่อย่าง อาจจะเริ่มแนะนำให้เด็กๆรู้จักกับอาหารใหม่ๆ โดยลองเพิ่มลงไปในอาหารที่กินเป็นประจำ เป็นการทำให้เด็กๆค่อยๆคุ้นชินและยอมลองกินอาหารใหม่ๆ เช่น หากเด็กชอบกิน “ขนมปังขาว” อาจเริ่มด้วยการแนะนำยี่ห้ออื่นๆ จากนั้นอาจแนะนำ “ขนมปังโฮลวีต” หรือ เนื้อสัมผัสอื่นๆ และลองเพิ่มพวกแยมผลไม้หรือเนยถั่ว ต่างๆ ในปริมาณเล็กน้อยลงไป (อาจจะต้องระวังปริมาณน้ำตาลนิดนึง)
5.ให้เด็กๆลองสัมผัสหรือดมอาหารโดยไม่ต้องให้กิน อาจจะให้เด็กๆช่วยเตรียมอาหารโดยดูตามความเหมาะสม เพื่อกระตุ้นระบบประสาทรับความรู้สึก ด้านการสัมผัส การรับกลิ่น ทำให้เด็กๆมีส่วนร่วมและรู้สึกสนุกกับอาหารประเภทต่างๆ
6.ผู้ปกครองควรโฟกัสหรือให้ความสนใจที่ตัวอาหารไม่ใช่พฤติกรรม โดยการพยายามให้เด็กๆมีส่วนร่วมในการพูดคุยเกี่ยวกับอาหารแทน อาจลองถามเกี่ยวกับสี ผิวสัมผัส หรือรสชาติ ของอาหารเพื่อดึงดูดความสนใจเด็กๆ หากต้องการพูดถึงพฤติกรรม ควรเน้นไปที่พฤติกรรมเชิงบวกมากกว่าลบ เช่น นั่งกินอาหารเรียบร้อยน่ารัก หรือ วันนี้ได้ลองอาหารใหม่ๆ เก่งมากเลย
7.บริหารความคาดหวังของตัวผู้ปกครองเอง แน่นอนว่าเรามีความคาดหวังที่อยากให้เด็กกินอาหารที่หลากหลายจนในบางครั้งเรารู้สึกหงุดหงิด ไม่พอใจ หนักใจ เมื่อเด็กๆไม่ยอมกินอาหาร ทำให้ยอมแพ้หรือแสดงพฤติกรรมไม่ดีต่อหน้าเด็กๆ สิ่งที่แนะนำคือ ความอดทนเป็นสิ่งสำคัญ อาจต้องให้เวลาเด็กๆ รวมทั้งตัวเราเองด้วย
8.พูดคุยกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มให้เด็กๆลองอาหารใหม่ๆ เพราะมีงานวิจัยออกมาเกี่ยวกับ อาหารที่ปราศจาก กลูเตน (Gluten free) และ โปรตีนเคซีน (Casein) นั้นดีต่อเด็กออทิสติก จึงทำให้เป็นข้อจำกัดในการให้เด็กๆลองอาหารใหม่ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อน
9.หลีกเลี่ยงการให้เด็กกินอาหารโดยตรงจากกล่องหรือบรรจุภัณฑ์ที่มีเครื่องหมายโลโก้ต่างๆ เพราะอาจทำให้เด็กๆจดจำและเลือกกินอาหารเฉพาะแบรนด์หรือบรรจุภัฑณ์ที่เคยกินเท่านั้น ดังนั้นควรเทอาหารใส่กล่องหรือภาชนะให้เด็กๆกินอีกที
10.ผู้ปกครองสามารถปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยา นักกิจกรรมบำบัด นักโภชนาการ นักบำบัดการพูด ได้
11.ควรจัดโต๊ะอาหารให้เหมาะสม โดยโต๊ะควรสูงถึงศอกและเก้าอี้ที่นั่งควรให้เท้าราบกับพื้น
ผู้ปกครองสามารถลองไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับเด็กๆ และสามารถขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญได้ เพื่อกระตุ้นให้เด็กๆกินอาหารได้หลากหลายมากขึ้น เครียดน้อยลง ผ่อนคลายมากขึ้น สนุกกับการลองอาหารใหม่ๆ เราควรให้เวลาเด็กๆ ไม่ต้องรีบ ไม่กดดัน แต่ไม่ล้มเลิกนะคะ
>> ออทิสติก (ASD) www.neurobalanceasia.com/อาการ/asd
>> สมาธิสั้น (ADHD) www.neurobalanceasia.com/อาการ/adhd
>> บกพร่องทางการเรียนรู้ (LD) www.neurobalanceasia.com/อาการ/ld
…
แต่หากชอบมากๆ กด Like และกดติดตามเพจเพิ่มเติมตามนี้ให้ด้วยนะ
…
ติดตามและอัพเดตข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม ได้ตามช่องทางอื่นๆ

