fbpx
ความบกพร่องทางการประมวลผลสิ่งที่เห็น
(VPDs ;Visual Processing Disorders)
จัดเป็นปัญหาหนึ่งในกลุ่มของ
ความบกพร่องทางการเรียนรู้ (Learning Disabilities)
ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้ในด้านต่างๆ เช่น การพูด การฟัง
การอ่าน การเขียน การสะกดคำ และความเป็นเหตุเป็นผล
เนื่องจากการเรียนรู้ของคนกว่า 80% มาจากการมองเห็น
เมื่อเราเกิดการรับรู้ภาพ (Visual sensation) แล้ว
สมองเราจะนำภาพที่รับรู้ไปเป็นข้อมูล
และทำงานต่ออีกหลายขั้นตอน (Processing)
เช่น เวลาอ่านหนังสือ เรารับรู้ภาพตัวอักษรผ่านทางตา
สมองเราแปลผลจากการเห็นและเทียบกับความทรงจำ
ว่าคำนี้แปลว่าอะไร รวมเป็นประโยค
มีความหมายว่าอะไร ทำให้เกิดความเข้าใจ
.
โดยสามารถแบ่งความบกพร่องทางการประมวลผลสิ่งที่เห็น
ได้เป็น 8 ประเภท ดังนี้
1.Visual Discrimination : ปัญหาด้านการแยกแยะความเหมือนต่างของวัตถุตั้งแต่ 2 อย่างขึ้นไป โดยวิเคราะห์จากขนาด รูปร่าง สี รวมทั้ง ลัญลักษณ์ เช่น (+,-,/)
หรือปัญหาในการแยกตัวอักษรและตัวเลขที่มีรูปร่างคล้ายกัน เช่น b กับ d , ภ กับ ถ ,6 กับ 9 , 2 กับ 5 และคำที่ใช้อักษรเดียวกันแต่สลับตำแหน่งกัน เช่น “บาน” และ นาบ คำที่เขียนเหมือนกัน แต่สามารถอ่านได้ 2 แบบ เช่น ตากลม อ่านว่า “ตา- กลม” และ “ตาก-ลม”
2.Visual figure-ground discrimination: ปัญหาในการแยกรูปร่างของวัตถุหรือตัวอักษรตัวเลขออกจากพื้นหลัง ทำให้มีความยากลำบากในการอ่านหนังสือ เนื่องจากไม่สามารถแยกตัวอักษรหรือภาพออกจากกันได้
3.Visual sequencing : ปัญหาด้านการเรียงลำดับสัญลักษณ์ ตัวอักษร ตัวเลข เช่น หากให้เรียงตัวเลข 1-5 จากน้อยไปมาก จะไม่สามารถเรียงได้ จะข้ามไปข้ามมา หรือ ไม่เข้าใจลำดับก่อนหลังของตัวอักษร เช่น “ข” ตามหลัง “ก” อีกทั้งมีปัญหาเรื่องการเขียนบนเส้น หรือ ในกรอบ และ การอ่านหนังสือจะอ่านข้ามบรรทัด ไม่อ่านเรียงเป็นแถวหรือไล่ทีละบรรทัด
4.Visual Motor Integration : ปัญหาในการทำงานประสานกันระหว่าง “ตา” และ “การเคลื่อนไหวของอวัยวะส่วนอื่นๆ” เช่น การจดหรือลอกข้อมูลบนกระดาน ซึ่งต้องใช้การทำงานประสานกันของตา และ มือ หรือ การชนสิ่งของระหว่างเดิน
5.Visual Memory/Visualization : ปัญหาในการจดจำข้อมูล ภาพ วัตถุ ในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น การสะกดคำและการเขียน ที่ต้องใช้การเรียกคืนข้อมูลหรือภาพที่ได้จดจำมา
6.Visual-spatial : ปัญหาในด้านมิติสัมพันธ์ การกะระยะตำแหน่งของวัตถุหรือสิ่งต่างๆ เมื่อเทียบกับอีกสิ่งหนึ่ง
7.Visual closure : ปัญหาในการรับรู้ว่าภาพ หรือ วัตถุ ว่ามันคืออะไรเมื่อชิ้นส่วนหนึ่งขาดหายไป
8.Auditory-Visual Integration : ปัญหาในการเชื่อมโยงเสียงที่ได้ยินกับภาพที่เห็นได้อย่างแม่นยำ เช่น ไม่สามารถจดจำได้ว่า คำนี้ ตัวอักษรนี้ อ่านว่าอย่างไร
ซึ่งความบกพร่องดังกล่าว แตกต่างจากความบกพร่องทางสายตา ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของดวงตา เช่น สายตาสั้น ยาว เอียง หรือ ตาบอดสี ดังนั้นหากเด็กได้ผ่านการ
ประเมินและทดสอบสายตาแล้ว แต่ยังคงมีปัญหาดังกล่าวอยู่
📌สิ่งที่ผู้ปกครองต้องทำเมื่อสังเกตเห็นสัญญาณความบกพร่อง คือ
1.จดบันทึกรายละเอียดของสัญญาณหรืออาการที่สังเกตได้จากเด็กๆ
2.พูดคุยและสอบถามคุณครูประจำชั้นว่าในห้องเรียนเด็กเป็นอย่างไร มีอาการดังกล่าวไหม แล้วส่งผลต่อการเรียนรู้ทั้งด้าน การอ่าน เขียน ฟัง พูด ด้วยไหม
3.พาเด็กไปประเมินและทดสอบสายตา ว่าปกติดี เพื่อยืนยันว่าอาการที่เป็นอยู่ไม่ได้เกิดจากปัญหาทางสายตา แต่เกิดจากความบกพร่องการประมวลผลสิ่งที่เห็น
4.พบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการดังกล่าว พร้อมหาวิธีแก้ไข หรือ ฟื้นฟู อาการดังกล่าว
5.แจ้งกับครูประจำชั้นเพื่อหาแนวทางในการดูแลเด็กๆเกี่ยวกับการเรียน อาจจะเป็นการออกแบบแผนการศึกษาหรือหลักสูตรเป็นรายบุคคล เพื่อให้เหมาะกับเด็กแต่ละคน