fbpx
ภัยจากการติดมือถือ

ทุกวันนี้เราคงปฎิเสธไม่ได้ว่าสมาร์ทโฟนกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในการดำรงชีวิตของเรา เพราะมือถือเหล่านี้ช่วยให้หลายสิ่งหลายอย่างกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดาย เราสามารถสั่งทุกอย่างได้ด้วยปลายนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสาร เข้าถึงแหล่งความบันเทิงต่างๆ และ การทำงาน เราจึงเห็นว่าทุกคนต่างพกติดตัว ประหนึ่งว่าเป็นอวัยวะอีกชิ้นของร่างกายไปเสียแล้ว เราใช้มันตลอดเวลาไม่ว่าจะตอนเข้าห้องน้ำ ระหว่างรับประทานอาหาร หรือ ไม่เว้นแม้กระทั่งก่อนนอนก็ยังเล่นจนเผลอหลับไป แต่เรารู้หรือไม่ว่าในความสะดวกสบายที่เราได้จากการใช้มือถือนั้นก็อาจกลายเป็นดาบ 2 คมได้โดยที่เราไม่รู้ตัว

.

ในสหรัฐฯ ได้มีการทำวิจัยเกี่ยวกับการใช้มือถือเกินวันละ 7 ชม. และได้พบหลักฐานบ่งชี้ว่า กลุ่มคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือเหล่านี้ มีประสิทธิภาพในการคิดอย่างมีเหตุผลและความทรงจำลดลง ซึ่งในเด็กก็มีความเสี่ยงที่จะมีไอคิวที่ต่ำ และมีผลต่อพัฒนาการทางสมอง ทำให้สมาธิสั้น และ การเรียนรู้ช้า ซึ่งผลในระยะยาวนั้นสามารถทำให้สารเคมีในสมองเกิดความไม่สมดุลได้อีกด้วย

.

อีกด้านหนึ่งคือปัญหาด้านอารมณ์ ซึ่งเรามักพบเห็นได้บ่อยในกลุ่มเด็กที่ติดมือถือ ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ผู้ปกครองหลายคนหยิบยื่นมือถือให้แก่ลูก โดยที่ไม่มีกติกาหรือการกำหนดเวลา ซึ่งเมื่อลูกใช้มือถือโดยไร้การควบคุม และ ขอบเขต ไม่ว่าจะเพื่อเล่นเกม ดูวิดีโอ หรือ เล่นโซเชียลมีเดีย ก็อาจจะทำให้ลูกติดได้ และเมื่อผู้ปกครองมีการห้ามไม่ให้เล่นมือถือ เด็กเหล่านี้ก็จะมีอาการหุนหันพลันแล่น ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เช่น ร้องอาละวาด ทำลายข้าวของ หรือ แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับผู้ปกครองได้

.

การนอนหลับถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำหรับคนที่ใช้มือถือตลอดเวลา ขณะที่ตาของเรากำลังจ้องภาพตัวอักษรจำนวนมากกมาย สมองของเราก็จะตื่นตัวจนส่งผลให้สมองของเราสั่งให้ร่างกายไม่ยอมหลับ ซึ่งผลที่ตามมาคือคุณภาพการนอนของคุณแย่ลง และทำให้รู้สึกไม่สดชื่อ แจ่มใส ในวันถัดมา

.

ตัวอย่างปัญหาที่ยกขึ้นมาวันนี้อาจเป็นแค่บางปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้โทรศัพท์มือถือที่เยอะเกินไป ยังมีอีกหลากหลายปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับตัวคุณและคนที่คุณรู้จัก ดังนั้นเราควรบริหารเวลาการใช้มือถือให้มีประสิทธิภาพ และเหมาะสม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกับตัวของเราเอง