fbpx
ระบบซิมพาเธติก สำคัญอย่างไรกับการนอน
แม้เราจะปรับเปลี่ยนห้องให้มีบรรยากาศน่านอน ​
ทำให้ ห้องมีอุณหภูมิที่เหมาะสม (ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป)​
ทำให้ห้องมืดๆ ไม่ให้แสงภายนอกรบกวน​
หลีกเลี่ยงสารกระตุ้นระบบประสาท ​ ​
คาเฟอีน แอลกอฮอล์ บุหรี่ เครื่องดื่มชูกำลัง​
แต่ทำไม “อาการนอนไม่หลับ” ยังรบกวนเราอยู่เรื่อยไป​
วันนี้เรามีคำตอบค่ะ ​
ทั้งหมดที่กล่าวมาด้านบน เราจะเรียกมันว่า “ปัจจัยกระตุ้นภายนอก”​
ซึ่งหากเราทำตามสิ่งที่กล่าวมาด้านบนหมดแล้ว ​
นอนหลับได้ดีขึ้น ​
นั้นไม่ใช่ความผิดปกติ ​
แต่หากยังนอนไม่หลับอยู่ “ผิดปกติ” แน่นอน​
…​
และปัจจัยต่อไปนี้ที่ทำให้กระตุ้น “อาการนอนไม่หลับเรื้อรัง” ​
ซึ่งพบได้บ่อยสุด 2 ประการ ​
1.ภาวะห่วงกังวล หรือ พะวักพะวง​
2.ภาวะตึงเครียด หรือ วิตกกังวล​
เมื่อเราเผชิญสถานการณ์ที่มีแนวโน้ม​
จะส่งผลลบต่อร่างกายและจิตใจ​
ทำให้เกิดอาการ วิตกกังวล เครียด กลัว​
“ระบบซิมพาเธติก” ​ หรือ “กลไกการสู้หรือหนี” ​
จะทำงานตอบสนองภัยคุกคาม​
เช่น สั่งให้ใจเต้นเร็ว เพิ่มอัตราการเผาพลาญ​
การไหลเวียนเลือด เกิดการหลั่งสารเคมีจัดการ​
ความเครียดอย่าง “คอร์ติซอล” (Cortisol)​
และการกระตุ้นสมองที่เพิ่มสูงขึ้น ​
ซึ่งเป็นประโยชน์มากในนาทีที่วิกฤต​
แต่ “การตอบสนองแบบสู้หรือหนี” ​
ไม่ได้สร้างมาเพื่อให้ถูกปล่อยค้างไว้​
ในสถานะ “ทำงาน”เป็นระยะเวลานาน ​
เพราะหากปล่อยค้างไว้​
นี้คือ “สาเหตุของอาการนอนไม่หลับ” ​
…​
การทำงานหนักผิดปกติของ ““ระบบซิมพาเธติก” ​
หรือ “กลไกการสู้หรือหนี” ​
ขัดขวางการนอนหลับที่ดีได้อย่างไร ?​
1.)ระบบซิมพาเธติกกระตุ้น “อัตราเผาผลาญให้สูงขึ้น”​
ส่งผลให้อุณหภูมิภายในร่างกายสูง​
ซึ่งในการนอนหลับเราต้องทำให้อุณหภูมิในร่างกาย​
ลดลงเล็กน้อยเพื่อให้นอนหลับได้ ​
2.)ฮอร์โมนคอร์ติซอลกระตุ้น “ให้ตื่นตัว” เพิ่มระดับสูงขึ้น​
รวมทั้งสารสื่อประสาทอย่าง “อะดรีนาลิน”และ “นอร์อะดรีนาลิน”​
ซึ่งสารทั้ง 3 ชนิดนี้ ทำให้ “อัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้น”​
และเพิ่ม “อัตราการเผาผลาญ” และ “อุณหภูมิร่างกาย” ให้สูงขึ้นด้วย​
3.)สมองส่วน“อะมิกดาลา”ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ​
และสมองส่วน “ฮิปโปแคมปัส”ที่เกี่ยวข้องการความทรงจำ ​
ยังคงทำงานอย่างกะตือรือร้น ​ เมื่อเทียบกับสมองของ​
กลุ่มคนที่นอนหลับดีที่ระดับกิจกรรมลดลงเมื่อเข้า​
สู่สภาวะหลับ ​
4.)มีคุณภาพการนอนหลับต่ำกว่าปกติ ​
โดยมีคลื่นไฟฟ้าสมองขณะหลับลึก​
แบบ NREM ที่ตื้นกว่าและอ่อนแรงกว่า​
และมีการนอนหลับที่ขาดช่วงในการหลับ​
แบบ REM ซึ่งทำให้ตื่นมารู้สึกไม่สดชื่น​
มึนๆ เบลอๆ อารมณ์เหวี่ยงๆ หงุดหงิด​
อารมณ์ไม่ดี การคิดการตัดสินใจไม่ดี​
…​
สุดท้าย​
ชีวิตเราคงไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าการ “กินอิ่มนอนหลับ” ​ และผลลัพธ์คือ “การมีสุขภาพที่ดี” เพราะฉะนั้น “อาการนอนไม่หลับ” เป็นปัญหาที่เรา “ต้องให้ความสำคัญ” และ “ต้องแก้ไข” ให้ตรงจุด และปลอดภัยด้วย ​
โปรดติดตามตอนต่อไป ​ ของหัวข้อ “INSOMNIA อาการนอนไม่หลับ”​